ปัจจุบันการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นที่สนใจของผู้ลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำและการลงทุนในสินค้าทางการเงินอื่น ๆ เช่น หุ้น หุ้นกู้ ฯลฯ มีความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่ผันผวนเพราะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีข้อดี คือช่วยกระจายความเสี่ยงของผู้ลงทุนเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ทางการเงินต่ำ ราคาของอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ อีกทั้งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังช่วยป้องกันการเสื่อมค่าของเงินลงทุนจากอัตราเงินเฟ้อได้ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์มักปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ และผู้ลงทุนสามารถเจรจาเก็บค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้

นอกจากการลงทุนในธุรกิจหรือกิจการส่วนตัวแล้วหลายคนยังให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นก่อนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เราจำเป็นต้องรู้เทรนด์การลงทุนในอสังหาฯเสียก่อน แต่ก่อนอื่นเราต้องมองให้ออกว่าในอนาคตอีก 5-10 ปีบ้านเมืองเราจะพลิกโฉมกันไปอย่างไร การเติบโตของระบบขนส่งอย่างรวดเร็วทำให้เรามองได้ว่านับจากนี้ต่อไปการเจริญเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ย่อมเติบโตตามไปด้วย ซึ่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือที่เราเรียกติดปากว่า AEC นั้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยสร้างความร้อนแรงให้กับอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งถูกจัดให้เป็นแยกอาเซียนตามโครงข่ายทางหลวงเอเชีย ซึ่งจะเพิ่มระบบขนส่งทางถนนเชื่อมกับประเทศพม่าอีกด้วย และที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน คือ ทำเลติดชายแดนประเทศไทย สำหรับอสังหาฯที่มีความต้องการ คือ ที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็นคอนโด อพาร์ทเม้น เกสเฮ้า โรงแรม หรือในส่วนของที่ทำกิน เช่น อาคารสำนักงาน อาคารพาณิช โรงงาน เป็นต้น

ช่วงนี้นักลงทุนที่โตหรือมีทุนขึ้นอีกระดับหนึ่ง เริ่มมาให้ความสนใจลงทุนที่ดินกันมากขึ้นโดยเฉพาะที่ดินที่มีศักยภาพ ถึงแม้ราคาที่ดินจะแพง แต่หากเทียบกับโอกาสและความเป็นไปได้ในอนาคต นักลงทุนรายใหญ่ก็สู้ไม่ถอย ที่ดินที่ยังคงมีความร้อนแรงอยู่ เช่น ย่านสุขุมวิท สีลม สาทร ถึงแม้จะเป็นที่แปลงเล็กแต่เป็นทำเลศักยภาพราคาสูงถึงตารางวาละล้านก็มีคนแย่งที่จะเป็นเจ้าของกันทั้งนั้น ส่วนนักลงทุนรายย่อยหรือที่มีทุนไม่มากนักก็มองเห็นโอกาสและอาจลงทุนไว้ตามต่างจังหวัดที่ศึกษาแล้วว่าจะมีโอกาสในอนาคต เช่น โคราช อุดร ขอนแก่น หนองคาย เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น